18 พฤศจิกายน 2553

ดอกคาร์มีเลีย (Camellia)


ดอกไม้สำหรับผู้ที่เกิด วันที่ 24 – 31 มกราคมนั้น ดอกไม้สำหรับผู้ที่เกิดเดือนนี้คือดอกคาร์มีเลีย (Camellia)
คาร์มีเลียดอกที่งามที่สุดมีรูปร่างคล้ายดอกกุหลาบขนาดใหญ่ ทว่ากลีบเป็นมันลื่นของมันทำให้คาร์มีเลียมีความโดดเด่นเฉพาะตัว  ทั้งยังทนความสดอยู่ได้นานเช่นเดียวกับความสง่างามของมัน
คาร์มีเลียจะเป็นช่อดอกไม้ที่สร้างความปลาบปลื้มใจได้ไม่น้อยให้กับผู้รับ หากเลือกพันธุ์ที่มีกลิ่นหอมนาน  เช่น บ๊อบ โฮป ซึ่งมีสีแดง อย่างไรก็ดี อย่าลืมแนะนำผู้รับว่าคาร์มีเลียชอบอากาศเย็นเพระฉะนั้นการวางคาร์มีเลียไว้ริมหน้าต่างก็จะดูดีไม่น้อย
ดอกคาร์มีเลีย หรือดอกชา ในภาษาจีนเรียก พินยิน หรือ ฉาฮัว คนญี่ปุ่นเรียก สึบากิ อยู่ใน Family Theaceae เป็นพืชดอกดั้งเดิมมาจากเอเชียตะวันออกและเอเชียใต้ หิมาลัยตะวันออกไปจนถึง ญี่ปุ่น และอินโดนีเซีย มีมากมายกว่า 100 – 250 species
คาร์มีเลีย เป็นชื่อ genus ของไม้ดอกโดย Carolus Linnaeus ชาวสวีเดน ในปี 1707 ซึ่งเป็นโบตานิสที่มีชื่อเสียงของโลก ซึ่งเป็นผู้ที่ริเริ่ม Binomiak system ซึ่งบ่งบอกสายพันธุ์โดยใช้ภาษาละติน 2 คำ ซึ่งเป็นการตั้งชื่อของ Jesuit botanist George Joseph Kamel ซึ่งนามสกุลในภาษาละตินคือ Camellus
ดอกคาร์มีเลียนั้น เป็นไม้ประดับที่มีดอกหลากหลายสีตั้งแต่ สีขาว, ชมพู, แดง และเหลืองซึ่งมีให้เห็นน้อยมาก ดอกนั้นมีทั้งกลีบชั้นเดียวและกลีบซ้อน เป็นพืชที่ชอบอากาศเย็น ได้ทราบมาว่าที่เชียงใหม่ก็มีขาย ถ้าต้นสูงใหญ่กว่าคน ราคาจะแพงมากประมาณ 6,000 - 10,000 บาท แต่ถ้าต้นเล็กๆ ก็ไม่กี่ร้อยบาท โดยทั่วไปจะโตประมาณ 30 เซนติเมตรต่อปีจนโตเต็มที่ขึ้นกับแหล่งที่ปลูกด้วย
ดอกคาร์มีเลีย ชนิด Sinensis หรือ Oleifera มีประโยชน์มากในทางการค้า โดยใบเอามาทำชา และเมล็ดสกัดน้ำมันชาใช้ในการปรุงรส ปรุงอาหาร
คาร์มีเลีย ชนิด Japonica เป็นดอกไม้ที่ชื่นชอบในหลายๆ ที่ด้วยกันคือ
-          ดอกไม้ประจำรัฐ Alabama
-          City flower of Slidell เมืองหลุยเซียน่า
-          Chinese municipality เมืองฉงชิ่ง
-          Matsue City in Shimane Prefecture ประเทศญี่ปุ่น
อีกทั้งยังเป็นที่รู้จักเกี่ยวข้องกับบุคคลต่างๆ ดังนี้
-          อลิซาเบท the Queen Mother ชอบมากโดยปลูกทั่วทั้งสวนของเธอ และใช้ดอกคาร์มีเลียในสวนเธอมาประดับบนหีบพระศพ
-          Ralph Peer ซึ่งรู้จักในนามราชาเพลงคันทรี เคยมีตำแหน่งเป็น president of the American Camellia Society
-          โคโค ชาแนล เจ้าของแบรนด์เนมดัง และเป็นที่รู้อย่างกว้างขวางว่าชื่นชอบติดดอกคาร์มีเลียขาว และทำสินค้าเครื่องประดับจากดอกคาร์มีเลียเป็นสัญลักษณ์
-          The lady of the Camiellias เป็นฮีโร่หญิงในบทประพันธ์ที่ติดดอกคาร์มีเลียเป็นสัญลักษณ์ ซึ่งอิงจากชีวิตจริงของ French courtesan Marie Duplessis
-          ภาพยนตร์เรื่อง Sanjuro โดย Akira Kurosawa 1962 ในบทตัวนำของเรื่องใช้นามสกุล สึบากิ ซึ่งคือดอกคาร์มีเลียนั่นเอง
ความหมายของดอกคาร์มีเลีย หมายถึง อุดมคติอันสูงส่ง, รักในอุดมคติ, ความถ่อมตน


ดอกคาร์มีเลียสีแดง – ความรักที่ถ่อมตน, ความงดงามที่ไร้การเสแสร้าง


ดอกคาร์มีเลียสีขาว – ความงามอันไร้ตำนิ, ความรักในอุดมคติ, ความงามที่เย็นชา

17 พฤศจิกายน 2553

ดอกส้ม (Orange Blossoms)


ดอกไม้สำหรับผู้ที่เกิด วันที่ 16 – 23 มกราคมนั้น ดอกไม้สำหรับผู้ที่เกิดเดือนนี้คือดอกส้ม (Orange Blossoms)

ดอกส้มยามบานสะพรั่ง เป็นสัญลักษณ์เก่าแก่ของความบริสุทธิ์กลิ่นหอมของดอกส้มคือหนึ่งในกลิ่นยอดนิยมของโลก แม้แต่ใบและกิ่งของมันยังมีกลิ่นหอม จึงนิยมนำมาใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องหอมด้วย และเป็นกลิ่นเดียวที่ใช้บรรยายคุณลักษณะของกลิ่นดอกไม้ชนิดอื่น ช่อดอกส้มสำหรับวันเกิดจะงดงามเป็นพิเศษหากจัดเป็นช่อเล็กๆ ผูกด้วยริบบิ้นสีสดใส  หรือจะเป็นกระถางต้นส้มแทนช่อดอกไม้ก็เก๋ไม่เบา  วิธีปลูกต้นส้มในกระถางนั้นไม่ยาก เพียงแต่นำเมล็ดเพาะปลูกลงในกระถางเลยไม่ต้องลงแปลงเพาะชำแต่อย่างใด
ชื่อดอกส้มเป็นผลไม้อีกละนะ และในเมื่อตัวผลเป็นที่รู้จักกันมากกว่าดังนั้นเรามารู้จักส้มกันสักนิดดีกว่า
ส้ม เป็นไม้พุ่มหรือไม้ยืนต้นขนาดเล็กหลายชนิดในสกุล Citrus วงศ์ Rutaceae มีด้วยกันนับร้อยชนิด เติบโตกระจายอยู่ทั่วโลก โดยมากจะมีน้ำมันหอมระเหยในใบ ดอก และผล และมีกลิ่นฉุน หากนำใบขึ้นส่องกับแสงแดด จะเห็นจุดเล็กๆ เต็มไปหมด ซึ่งจุดเหล่านั้นก็คือแหล่งน้ำมันนั่นเอง ส้มหลายชนิดรับประทานได้ ผลมีรสเปรี้ยวหรือหวาน มักจะมีแคลเซียม โพแทสเซียม วิตามินเอ และวิตามินซี มากเป็นพิเศษ
ถ้าผลไม้จำพวกนี้มี มะ อยู่หน้า ต้องตัดคำ ส้ม ออก เช่น ส้มมะนาว ส้มมะกรูด เป็น มะนาว มะกรูด
อนุกรมวิธานของส้มนั้น มีความยุ่งยากและสับสนมาช้านาน และเป็นที่ถกเถียงในการจำแนกและตั้งชื่อชนิด (สปีชีส์) ของส้มอยู่เสมอ และการจำแนกกลุ่มยังขึ้นกับนักอนุกรมวิธานด้วย เช่น สวิงเกิล (Swingle) จำแนกได้ 16 ชนิด, ทานาคา (Tanaka) จำแนกได้ 162 ชนิด และฮอจสัน (Hodgson) จำแนก 36 ชนิด ขณะที่บางท่านเสนอว่าส้มทั้งหลายจัดเป็นพืชชนิดเดียวกัน ที่สามารถผสมพันธุ์ระหว่างกันได้ ขณะเดียวกัน การจำแนกอย่างละเอียดของทานาคา ก็สร้างความสำเร็จได้ เนื่องจากพบในภายหลังว่า บางชนิดเป็นเพียงการผสมข้ามสายพันธุ์เท่านั้น ด้วยเหตุนี้จึงไม่แปลกหากเราจะพบชื่อวิทยาศาสตร์ของส้ม หลายชนิดที่แตกต่างกัน ดังนั้นเพื่อความแน่นอน จึงมักจะระบุถึงนักอนุกรมวิธานผู้จำแนกเอาไว้ด้วยพืชตระกูลส้ม
ปัจจุบันนี้ มีการใช้เทคนิคในการระบุเอกลักษณ์ด้วยดีเอ็นเอ (DNA) และมีการเสนอว่าอาจจะมีชนิดพื้นฐานของส้มอย่างกว้างๆ 4 ชนิด ด้วยกัน คือ
* C. halimii - พบทางภาคใต้ของไทย และตะวันตกของมาเลเซีย อาจเป็นชนิดต้นกำเนิดของส้ม Poncirus และ Fortunella
* C. medica - ส้มโอมือ หรือส้มมือ อาจเป็นต้นกำเนิดของมะนาว หรือเลมอน (lemon)
* C. reticulata – อาจเป็นต้นกำเนิดของส้มจำพวกส้มเขียวหวานทั้งหลาย
* C. maxima (หรือ C. grandis) - ส้มโอ น่าจะเป็นต้นกำเนิดของส้มในปัจจุบันบางชนิดเช่นกัน
การแบ่งกลุ่มของส้ม
สำหรับประเทศไทย มีการจำแนกพืชตระกูลส้ม พบว่าตระกูลย่อยที่สำคัญที่สุด คือ ตระกูลย่อยของส้ม ซึ่งประกอบด้วยส้มชนิดต่างๆ มะขวิด มะตูม และส้มสามใบ อย่างไรก็ดี พืชตระกูลย่อยนี้ สามารถแบ่งได้ 4 กลุ่ม ได้แก่
* กลุ่มส้มเกลี้ยงและส้มตรา (Orange group) แบ่งเป็นส้มที่มีรสหวาน (Sweet Orange: Citrus sinensis) และส้มทีมีรสเปรี้ยว หรืออาจมีรสออกขม (Sour or Bitter Orange: Citrus aurantium)
* กลุ่มส้มจีน ส้มเขียวหวาน (Mandarin group) ได้แก่ ซัทซูมา มานดาริน (Satsuma Mandarin:Citrusunshiu) คิงส์ แมนดาริน (King Manderin: Citrus nobilis) เมดิเตอร์เรเนียน แมนดาริน (Mediterranean Mandarin: Citrus delicoia) คอมมอน แมนดาริน (Common Mandarin: Citrus reticulata)
* กลุ่มส้มโอ และเกรฟฟรุท (Pummelo and Grapefruits) ได้แก่ ส้มโอ (Pummelo: Citrus maxima) และเกรฟฟรุท (Grapefruits: Citrus paradise)
* กลุ่มมะนาว (Common acid member group) ได้แก่ ซิตรอน (Citron: Citrus medica) เลมอนหรือมะนาวฝรั่ง (Citrus lemon)
ความหมายของดอกส้มนั้นคือ ความปลาบปลื้มของเจ้าสาว

16 พฤศจิกายน 2553

ดอกคาร์เนชั่น (Carnation)

ดอกไม้สำหรับผู้ที่เกิด วันที่ 8 – 15 มกราคมนั้น ดอกไม้สำหรับผู้ที่เกิดเดือนนี้คือดอกคาร์เนชั่น (Carnation)
ดอกคาร์เนชั่นเป็นไม้ตัดดอกยอดนิยมชนิดหนึ่ง มีทั้งชนิดดอกเดี่ยวแบบสแตนดาร์ด และดอกช่อแบบสเปรย์ มีหลายสายพันธ์และหลากสีสัน ทั้งสีขาว, สีเหลือง, สีชมพู, สีส้ม, สีแดง และสีม่วง บางพันธุ์ก็มีสีมากกว่าหนึ่งสีในดอกเดียวกัน และบางพันธุ์ยังมีกลิ่นหอมอีกด้วย ถึงแม้คาร์เนชั่นจะมีกลีบดอกแบบบางแต่บานทนสามารถปลูกเป็นไม้ตัดดอกได้ดีในที่ที่มีอากาศหนาวเย็น ออกดอกตลอดปีและเป็นดอกไม้ที่มีคุณภาพดี
ดอกคาร์เนชั่นเป็นดอกไม้ที่มีความหมายที่ดีและเป็นสิ่งปลอบใจที่สำคัญยิ่งของผู้ป่วยไข้ซึ่งกำลังต้องการกำลังใจอย่างแรงกล้า ความอดทน ความสุภาพอ่อนโยน ความกล้าหาญ ความประณีตและความสบายใจ คือคุณสมบัติที่เกี่ยวข้องกับเจ้าดอกไม้กลีบหยักย่น แต่อ่อนนุ่มชนิดนี้ ช่อคาร์เนชั่นวันเกิดจะสวยสะดุดตา เมื่อรวมอยู่เป็นช่อโดยมีใบเฟิร์นประดับแซม หากเป็นช่อคาร์เนชั่นวันเกิดสำหรับคุณหนู อย่าลืมแถมเมล็ดคาร์เนชั่นไปด้วยเพราะด้วยคุณสมบัติเพาะง่ายโตเร็วจะทำให้สวนสวยสดชื่นอีกครั้งด้วยคาร์เนชั่นหลากสีหลังจากวันเกิดครั้งนี้ไม่นานนัก
ความหมายของดอกคาร์เนชั่น
ดอกคาร์เนชั่นมีถิ่นกำเนิดในยุโรปตอนใต้ และคาร์เนชั่นที่นำเข้าส่วนใหญ่มักจะปลูกในเรือนกระจกทั้งสิ้น ใช้ทำเป็นไม้ตัดดอกได้เป็นอย่างดี ให้จำนวนดอกต่อต้นนับเป็นที่ 2 รองจากกุหลาบ การปลูกคาร์เนชั่นแต่ละครั้งอาจจะอยู่ได้เพียงฤดูเดียวหรือหลายฤดูก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสถานที่และการปลูกปฏิบัติรักษา บางแห่งอาจจะปลูกได้เพียงฤดูเดียว บางแห่งอาจจะปลูกแล้วเก็บเกี่ยวได้นานถึง 2 -3 ปี ซึ่งตามปกติแล้วเป็นการปลูกคาร์เนชั่นในเรือนกระจก
ลักษณะทั่วไป เป็นไม้ดอกล้มลุก ลำต้นแตกกิ่งก้าน ใบรูปแถบเรียวยาว สีเขียวเข้มอมฟ้า โคนใบหุ้มข้อโป่งพองเล็กน้อย ดอกมีทั้งชนิดดอกเดี่ยวและดอกช่อ กลีบรองดอกสีเขียว รูปถ้วย กลีบดอกซ้อนฟู ขอบกลีบหยักเป็นแฉก สีขาว ชมพู เหลือง ส้ม แดง และขลิบขอบสีต่างๆ ดอกมีทั้งชนิดดอกซ้อนและดอกชั้นเดียว ปลายกลีบดอกจะมีลักษณะหยัก ๆ คล้ายฟันเลื่อย กลีบหุ้มดอก มีลักษณะรวมติดกันเป็นกรวยหุ้มกลีบดอกไว้ ดอกมีขนาดตั้งแต่ 1.5 - 3 นิ้ว สีของดอกมีหลายสี คือ ขาว แดง แดงอมม่วง และอาจจะมี 2 สีในดอกเดียวกัน
การปลูกและการดูแลรักษา
คาร์เนชั่นชอบแสงแดดจัด และอากาศเย็น จากการทดลองพบว่า คาร์เนชั่นจะให้ผลดีที่สุด คือทั้งผลผลิตและคุณภาพของดอก ที่อุณหภูมิกลางคืน 50องศาฟาเรนไฮต์ และอุณหภูมิกลางวัน 55 องศาฟาเรนไฮต์ พื้นที่ที่เหมาะสมน่าจะเป็นบริเวณภาคเหนือ หรือ จังหวัดนครราชสีมา
 ดินที่ใช้ปลูกควรเป็นดินร่วนซุย มีอินทรียวัตถุสูง มีการระบายน้ำดี มีอากาศถ่ายเทดี เนื่องจากคาร์เนชั่นเป็นโรคได้ง่ายมาก ดังนั้นเรื่องความสะอาดของดินจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก ถ้าเป็นไปได้ควรอบฆ่าเชื้อในดินด้วยไอน้ำ หรือ สารเคมีเช่น Methyl bromide ดินควรเป็นกรดเล็กน้อย pH 6.0-7.0
อีกทั้งดอกคาร์เนชั่นยังเป็นดอกไม้ขายดีเป็น 8 ของประเทศอังกฤษ พร้อมทั้งยังคงเป็นของขวัญนำโชคสำหรับผู้หญิงอีกด้วย
และตามตำนานของดอกคาร์เนชั่นนี้นั้น ในตำนานของกรีก – โรมัน มักนิยมใช้ดอกคาร์เนชั่นในงานเทศกาลรื่นเริงแต่ในเวลาต่อมาสัญลักษณ์ของดอกคาร์เนชั่นได้เปลี่ยนไปตามสีสันต่างๆ ของกลีบดอก
สำหรับชาวอเมริกันนั้นจะใช้ดอกคาร์เนชั่นแทนดอกมะลิในวันแม่อีกด้วยซึ่งจะแบ่งการให้ดอกคาร์เน่ชั่นเป็น 2 แบบอันได้แก่
1.ถ้ามารดายังชีวิตอยู่จะมีการประดับตกแต่งบ้านหรือประตูด้วยดอกคาร์เนชั่นสีชมพู
2.ถ้าหากว่ามารดาได้เสียชีวิตไปด้วยจะประดับเป็นดอกคาร์เนชั่นสีขาวแทน


คาร์เนชั่นสีขาว (White Carnation) เป็นสัญลักษณ์ของความชื่นชมยินดี นิยมใช้ดอกคาร์เนชั่นสีขาวมอบให้ในวาระโอกาสแห่งการแสดงความยินดีต่างๆ


คาร์เนชั่นสีเหลือง (Yellow Carnation) เป็นสัญลักษณ์ของความเหยียดหยาม ถ้ามอบคาร์เนชั่นสีเหลืองให้แก่ผู้ใด แสดงว่าผู้ให้รู้สึกดูหมิ่นดูแคลนผู้รับเป็นอย่างมาก ("ความหยิ่ง" หรือ "ความไว้ตัว")


คาร์เนชั่นสีแดง (Red Carnation) เป็นสัญลักษณ์ของหัวใจที่แตกสลาย ถ้าได้รับดอกคาร์เนชั่นสีแดงจากผู้ใด แสดงว่าผู้ให้ต้องการบอกว่าถูกผู้รับหักอกจนใจสลายแล้ว ("แด่หัวใจที่น่าสงสารของฉัน" หรือ "หัวใจที่แห้งเหี่ยว")


คาร์เนชั่นลาย เป็นสัญลักษณ์ของคำปฏิเสธ ถ้าถูกใครขอความรัก และอยากตอบปฏิเสธก็จงมอบดอกคาร์เนชั่นลายให้แก่ผู้นั้น


คาร์เนชั่นสีชมพู (Pink Carnation) ดอกคาร์เนชั่นสีชมพูเป็นสัญลักษณ์ของหัวใจรัก ถ้าต้องการสารภาพรักใครก็ควรมอบดอกคาร์เนชั่นสีชมพูให้แก่ใครคนนั้น (ตำราใหม่ แปลว่า "ความรักของผู้หญิง")

15 พฤศจิกายน 2553

ดอกไฮยาซินธ์ (Hyacinth)


ดอกไม้ประจำเดือนเกิด

ทราบไหมว่า ดอกไม้ที่เราพบเห็นอยู่ทุกวันนี้ต่างซ่อนความหมายของมันเอาไว้ เช่น ดอกทานตะวันที่มีถึงสองความหมายอันอาจหมายถึงความเย่อหยิ่งหรือความเคารพ และในบทความนี้จะแนะนำให้รู้จักดอกไม้ประจำเดือนเกิดของแต่ละคน

            ดอกไม้สำหรับผู้ที่เกิด วันที่ 1 – 7 มกราคมนั้น ดอกไม้สำหรับผู้ที่เกิดเดือนนี้คือดอกไฮยาซินธ์ (Hyacinth)
          ดอกไฮยาซินธ์ (Hyacinth) เป็นดอกไม้ตระกูลที่ปลูกจากหัว (Bulbous plants) แต่เดิมจัดอยู่ในพืชวงศ์ลิลลี่ (Liliaceae) แต่ในปัจจุบันถือเป็นตระกูลอิสระของตนเอง “Hyacinthaceae” เป็นดอกไม้ที่มาจากทางตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเรื่อยไปทางตะวันออกจนถึงอิหร่านและเติร์กเมนิสถาน
          ในวันเกิดเดือนแรกแห่งปีนั้นเราสมควรจะมอบกระถางดอกไม้อันหอมหวนที่สุดในโลกแก่คนที่คุณรักเพราะไฮยาซินธ์คือสัญลักษณ์แห่งการเกิดใหม่ ดอกไม้ที่มีรู้ร่างคล้ายระฆังน้อยยามแรกผลิที่มองดูคล้ายดาวห้าแฉกยามบานสะพรั่งและด้วยคุณสมบัติเด่นของไฮยาซินธ์คือกลิ่นอันหอมหวนทำให้มันเป็นดอกไม้ที่นิยมมากในราชสำนักยุโรป
            ไฮยาซินธ์จะกลายเป็นของขวัญแสนวิเศษหากปลูกไม้เก่าแก่ชนิดนี้ในกระถางทรงกลมคอดกลาง แต่อย่าลืมแนบข้อความแนะนำไปด้วยว่า อย่างทิ้งเมื่อไฮยาซินธ์ร่วงโรยเพราะมันจะบานให้ชื่นใจอีกครั้ง ถ้าเพียงแต่นำหัวของมันไปฝังไว้ในดิน
            นั่นคือรายละเอียดคร่าวๆ เกี่ยวกับดอกไฮยาซินธ์ ดังนั้นเรามาฟังตำนานดอกไฮยาซินธ์กันดีกว่า...
            “ดอกไฮยาซินธ์” เป็นดอกไม้ที่ฝรั่งชอบกันมากซึ่งคนไทยเราเห็นบ่อยๆ ในแม่น้ำลำคลองเพราะมันก็คือ “ดอกผักตบชวา” นั่นเอง ตำนานดอกไม้นี้ค่อนข้างเศร้าและเป็นบทเรียนถึงแรงริษยาที่ทำลายชีวิตบริสุทธิ์ ตำนานนั้นว่าไว้ว่า
            “ไฮยาซินทัส” เป็นเพื่อนสนิทของเทพอะพอลโล่ (เทพแห่งดวงอาทิตย์) และ เซเฟอร์ (เทพแห่งลมตะวันตก) และทั้งสองนั้นต่างตกหลุมรักไฮยาซินทัส
            เซเฟอร์พยายามรอโอกาสที่เทพอะพอลโล่กลับสวรรค์เพื่อที่ตนเองจะได้มาจีบไฮยาซินทัสบ้าง แต่รอเท่าไหร่เทพอะพอลโล่ก็ไม่กลับสักที จากความรักของเซเฟอร์ก็แปรเปลี่ยนเป็นความหึงหวงและความเกลียดชัง
            วันหนึ่งเทพอะพอลโล่กับไฮยาซินทัสเล่นขว้างจักรกัน แต่เมื่อถึงตาเทพอะพอลโล่เป็นคนขว้างจักรไปหาคนรัก เซเฟอร์ได้ทีก็รีบแกล้งออกแรงเป่าลมไปที่จักร ทำให้มันพุ่งแรงกว่าที่เทพอะพอลโล่ตั้งใจไว้ พุ่งปักอกของไฮยาซินทัสจนขาดใจตายคาที่ เทพอะพอลโล่รีบวิ่งไปประคองคนรักแต่ก็ตายเสียแล้ว เทพหนุ่มผู้ไม่อยากพรากจากคนรักจึงเสกให้เลือดของไฮยาซินทันที่ไหลท่วมกลายเป็นดอกไม้แสนงดงามสีแดงดั่งเลือด แล้วตั้งชื่อมันว่าดอกไฮยาซินธ์ แต่เมื่อน้ำตาของเทพอะพอลโล่หยดลงไปถูกดอกไฮยาซินธ์ สีแดงของดอกไม้ก็เปลี่ยนเป็นสีม่วงอย่างที่เราเห็นอยู่ทุกวันนี้
            วิธีการเพาะปลูกดอกไฮยาซินธ์
          ไม้หัวที่เจริญเติบโตและออกดอกได้ดีในที่อากาศเย็น ควรเริ่มปลูกในที่อากาศเย็นและมืด หลังจากแตกใบเริ่มแทงช่อดอกให้นำออกมาในที่ที่ได้รับแสงแดด หลังจากช่อดอกเหี่ยวให้ตัดออก รดน้ำให้ปุ๋ยต่อไปเพื่อให้แตกหัวย่อย จนกระทั่งใบเหี่ยวจึงเก็บหัวไว้ให้พักตัวเพื่อปลูกในฤดูถัดไป
            ถิ่นกำเนิด ตอนกลางและทางตอนใต้ของประเทศตุรกี ตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรียและเลบานอน
            ลักษณะ ไม้หัวขนาดเล็ก อายุหลายปี ต้นสูงประมาณ 30 เซนติเมตร แตกใบจากกลางหัว ใบรูปแถบใบหนาอวบน้ำ เรียงวนรอบก้านช่อดอก ดอกออกเป็นช่อทรงกระบอก 2 – 40 ดอก แต่ละดอกมี 6 กลีบ กลีบหนาเป็นมันมีหลายสี เช่นสีขาว สีครีม สีเหลือง สีชมพู สีฟ้า สีม่วง ดอกจะทยอยบานจากโคนไปหาปลายช่อ
            ฤดูออกดอก ฤดูหนาวหรือช่วงที่มีอากาศเย็น กลิ่นหอมอ่อนๆ
            สภาพปลูก ดินชุ่มชื้นและระบายน้ำได้ดี แสงรำไร – แดดจัด ชอบอากาศเย็นขยายพันธุ์โดยการแยกหัว
            ความหมายของดอกไฮยาซินธ์

ไฮยาซินธ์สีฟ้า – ความมั่นคง

ไฮนาซินธ์สีม่วง – ฉันเสียใจโปรดให้อภัยฉันเถอะหรือความเศร้าโศกเสียใจ

ไฮยาซินธ์สีแดงหรือสีชมพู – เกมการแข่งขัน
  
ไฮยาซินธ์สีขาว – ความน่ารักสดใส ฉันอธิษฐานให้คุณ

ไฮยาซินธ์สีเหลือง – ความอิจฉาริษยา

14 พฤศจิกายน 2553

Welcome to FolwerCenter


Welcome to FolwerCenter

            เมื่อกล่าวถึงดอกไม้ สำหรับผู้ที่รักการปลูกต้นไม้เป็นชีวิตจิตใจนั้นคือที่สุดของความปรารถนา ผู้ปลูกต้นไม้ส่วนใหญ่นั้นต่างปลูกเพื่อหวังที่จะชื่นชมดอกไม้ ไม่ว่าจะเพื่อความสวยงามหรือสูดกลิ่นหอมของดอกไม้ จึงบอกได้ว่าดอกไม้คือส่วนสำคัญของการปลูกต้นไม้ นอกจากประโยชน์ที่กล่าวถึงข้างต้นแล้ว ในแง่ของพฤกษศาสตร์ ดอกไม้ยังมีส่วนสำคัญในการจำแนกชนิดของต้นไม้อีกด้วย
            แต่ในแง่ของความหมายของดอกไม้ที่เราเรียกว่า “ภาษาดอกไม้ (Language of flower)” เป็นการสื่อสารในสมัยวิกตอเรีย (Victorian era) โดยใช้ดอกไม้หรือการจัดดอกไม้เพื่อให้เกิดความหมายโดยนัย อันแสดงถึงความรู้สึกส่วนตัวที่ไม่อาจบอกออกมาเป็นคำพูดได้ พระเจ้าชาลส์ที่ 2 ได้นำมาภาษาดอกไม้เข้าสู่ประเทศสวีเดนจากทางเปอร์เซียในคริสต์ศตวรรษที่ 17
            ในปัจจุบันความที่ใช้ในภาษาดอกไม้นั้นส่วนมากได้เลือนหายไปตามกาลเวลา แต่ดอกกุหลาบสีแดงนั้นยังคงถูกใช้แสดงความรักอันเร่าร้อนและโรแมนติก กุหลาบสีชมพูแสดงถึงความรักที่เร่าร้อนน้อยลงมา กุหลาบสีขาวยังคงเป็นตัวแทนของความบริสุทธิ์และความดี และกุหลาบสีเหลืองถูกใช้เป็นตัวแทนของมิตรภาพและการเสียสละ อย่างไรก็ดี ความหมายเหล่านี้อาจจะไม่เหมือนกับความหมายในสมัยวิกตอเรียทุกประการ

____________________
สมัยวิกตอเรีย (Victorian era) ของสหราชอาณาจักรเป็นจุดสูงสุดของการปฏิวัติอุตสาหกรรมและเป็นยุคสูงสุดของจักรวรรดิอังกฤษซึ่งตรงกับสมัยการปกครองของสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียระหว่างปี ค.ศ. 1837 ถึงปี ค.ศ. 1901 นักวิชาการถกเถียงกันว่าสมัยวิกตอเรียควรจะเริ่มตั้งแต่ ค.ศ. 1832 สมัยวิกตอเรียเริ่มต่อจาก “สมัยรีเจ็นซี” (Regency era) และตามด้วย “สมัยเอ็ดเวิร์ด” ระยะหลังของสมัย สมัยวิกตอเรียตรงกับสมัย “Belle Époque” บนผืนแผ่นดินใหญ่ยุโรปและของประเทศที่ไม่ใช้ภาษาอังกฤษ